เจย์ ชิว ชายหนุ่มจากซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ได้แบ่งปันประสบการณ์ชีวิตที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงหลังได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอดจ์กิน ในระยะที่ 4 ซึ่งเป็นระยะที่รุนแรงที่สุดของโรค ขณะที่เขาอายุเพียง 21 ปี สิ่งที่น่าตกใจคือก่อนหน้านี้เขาเคยมองข้าม สัญญาณเตือนที่ชัดเจน หลายประการเกี่ยวกับสุขภาพของตัวเอง
จากชีวิตที่ดูเหมือนปกติ สู่การพบโรคร้าย
เจย์เล่าว่าในช่วงฤดูร้อนปี 2023 เขาเข้ารับการตรวจเลือดตามปกติและพบว่าระดับ แคลเซียมในเลือดสูงผิดปกติ แพทย์ได้แจ้งเตือนว่าอาจเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของกระดูก ซึ่งเป็นสัญญาณหนึ่งของมะเร็ง แต่ในขณะนั้นเจย์กลับมองว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ และเลือกที่จะไม่ใส่ใจต่อคำแนะนำ
เวลาผ่านไปไม่นาน ครอบครัวและเพื่อนสนิทเริ่มสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในรูปลักษณ์ของเขา เช่น น้ำหนักตัวลดลงอย่างมาก ใบหน้าซีดเซียวจนผิดสังเกต และเขายังมีอาการ เหนื่อยล้าเกินปกติ แต่เจย์เองกลับคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา และยังคงใช้ชีวิตประจำวันต่อไปโดยไม่ได้สงสัยอะไร
สัญญาณเตือนที่ถูกมองข้าม
ในคลิป TikTok ที่เจย์เผยแพร่ เขาอธิบายว่า อาการแรก ที่เขาประสบคือผลตรวจเลือดที่ผิดปกติ แต่เขาไม่ได้ให้ความสำคัญ หลังจากนั้นเขาเริ่มมีอาการอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิต เช่น
- อาการปวดหลังอย่างรุนแรง ถึงขั้นที่เขารู้สึกเหมือนกระดูกหลังจะหัก
- เหงื่อออกหนักตอนกลางคืน จนผ้าปูที่นอนเปียกชุ่ม
- ผื่นขึ้นซ้ำตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย รวมถึงปัญหาผิวแห้ง
- น้ำหนักตัวลดลงอย่างมากโดยไม่มีสาเหตุ
- อาการเหนื่อยล้าจนไม่สามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามปกติ
เจย์เล่าถึงอาการที่ทำให้เขาตกใจมากที่สุดคือการตื่นนอนพร้อมกับผ้าปูที่นอนเปียกชุ่มจากเหงื่อในตอนกลางคืน เขายังสงสัยว่าตัวเอง “ฉี่รดเตียง” หรือไม่ แต่สุดท้ายพบว่าเป็นเหงื่อที่ออกมากผิดปกติ
อีกทั้งในช่วงเวลานั้น เขายังมี อาการปวดหน้าอก ร่วมกับอาการไอที่รุนแรง ซึ่งตอนแรกเขาคิดว่าเป็นเพียงการติดเชื้อในปอด แต่เมื่อได้รับยาปฏิชีวนะแล้วอาการดีขึ้นเพียง 3 วัน ก็กลับมาแย่ลงอีกครั้งในระดับที่รุนแรงกว่าเดิม
การวินิจฉัยที่เปลี่ยนชีวิต
หลังจากอาการแย่ลงเรื่อย ๆ เจย์จึงตัดสินใจเข้ารับการ ซีทีสแกน ที่โรงพยาบาล และพบว่าตัวเองเป็น มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอดจ์กินระยะที่ 4 ซึ่งเป็นระยะที่รุนแรงที่สุดของโรค
มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอดจ์กินเป็นมะเร็งในระบบน้ำเหลืองที่ส่งผลกระทบต่อเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซต์ สถาบันวิจัยโรคมะเร็งแห่งสหราชอาณาจักรอธิบายว่า ในผู้ป่วยโรคนี้ ลิมโฟไซต์บางส่วนจะเติบโตผิดปกติจนไม่สามารถต่อสู้กับการติดเชื้อได้เหมือนเซลล์ปกติ เซลล์เหล่านี้ยังสามารถรวมตัวกันในต่อมน้ำเหลืองหรือส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย ทำให้เกิดเนื้องอกที่ส่งผลต่อระบบน้ำเหลืองและการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ
การฟื้นตัวและแรงผลักดันในการให้ความรู้
ปัจจุบัน เจย์ฟื้นตัวได้ดีหลังจากเสร็จสิ้นการรักษาในเดือนกรกฎาคม 2024 และได้ใช้โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางในการแบ่งปันประสบการณ์ชีวิต รวมถึงให้ความรู้เกี่ยวกับ สัญญาณเตือนของมะเร็ง เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น
ในคลิป TikTok และคอมเมนต์ใต้โพสต์ของเขา เจย์ยืนยันว่าปัจจุบันเขา สุขภาพดีและแข็งแรง พร้อมขอบคุณทุกคนที่ส่งกำลังใจให้ตลอดเส้นทางการรักษา
“ผมดีใจที่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว และพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อรักษาสุขภาพให้ดีต่อไป ผมยังอยากชักชวนทุกคนให้ใส่ใจสุขภาพและตรวจร่างกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะถ้าผมรู้เร็วกว่านี้ อาจไม่ต้องเผชิญกับโรคในระยะรุนแรง” เจย์กล่าว
บทเรียนสำคัญ
เรื่องราวของเจย์เป็นเครื่องเตือนใจถึงความสำคัญของการ ไม่มองข้ามสัญญาณเตือนของร่างกาย แม้จะดูเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะสิ่งเล็ก ๆ เหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง หากคุณรู้สึกผิดปกติหรือมีอาการใด ๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน การตรวจสุขภาพและรับคำปรึกษาจากแพทย์เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม